Sunday 20 January 2008

ผลิต ผลิต และผลิต

ตอนนี้เศรษฐกิจโลกถูกทำนายไว้ว่าจะเป็นในทิศทางไม่ดีเท่าไหร่ เนื่องจากปัญหาซับไพร์มที่เกิดในสหรัฐฯ อย่างประเทศบ้านเรา และประเทศเอเชียผู้ส่งออกทั้งหลายก็กลัดกลุ้มกันว่าจะส่งสินค้าไปขายใครดี เพราะอเมริกาคงหมดกำลังซื้อไปอีกนาน

ตลกดีที่ไม่มีความพอดีสักอย่าง ถ้าประชาชนอเมริกันออกมาบริโภคกันมาก ๆ ก็โวยวายว่าพวกนี้ใช้จ่ายเกินตัว ทั้งในแง่การเงิน (ที่รายได้ไม่พอกับรายจ่าย กลายเป็นหนี้สินรุงรัง) และทั้งในแง่ทรัพยากร (ที่เป็นพวกบริโภคใหญ่งาบงับทรัพยากรโลกไปมหาศาล)

ถ้าดูกันให้ดี เราต่างติดกับอยู่กับทุนนิยม การผลิต และการ (ต้อง) บริโภคอยู่หรือเปล่า การพัฒนาเน้นอยู่แค่กับตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นหลักเท่านั้น และนั่นก็คือเราก็ต้องผลิต ผลิตเพื่อผลิต ไม่ได้ผลิตเพื่อใช้ และดังนั้น ก็ต้องผลิตเพื่อส่งออกอย่างเดียว เพราะในประเทศเราซื้อกันไม่ไหว รับกันไม่พอนั่นไง

ดังนั้น ปัญหาที่เกิด มันไม่ใช่ปัญหาของสหรัฐฯ อย่างเดียวเท่านั้น แต่มันคือปัญหาและกับดักของระบบทุนนิยมต่างหาก และเราก็อยู่ภายใต้ระบบนี้จนคิดอย่างอื่นไม่ออกเสียด้วย อย่างที่บอกว่า ระบบสังคมนิยมไปไม่รอด เพราะถูกล้อมรอบด้วยระบบทุนนิยมนั่นอย่างไร ตอนนี้ กลับมากินตัวเองแล้ว ทุนนิยมก็คงไม่รอดเหมือนกัน - ถึงบอกว่า “อาจจะ” ไม่เกิดปัญหามาก เพราะประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่นำโดยจีนและอินเดีย จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกแทน แต่ถ้าอยู่ในระบบทุนนิยมอย่างที่เป็น ถึงจุดหนึ่งประเทศเหล่านี้ก็ต้องถึงจุดที่เกิดปัญหาเหมือนกัน

ปล. อาทิตย์หน้าเราจะกลับไปอยู่ยุคสังคมดั้งเดิมที่เป็นถ้าไม่เป็น barter ก็ in kind trade สะสมความมั่งคั่งเป็นข้าวสารกับวัวแทน ฮ่า!

+++++++++++

(แถมพก)

กอร์คอน บราวน์ นายกฯ อังกฤษเพิ่งเสร็จทัวร์ขายของที่จีน และกำลังจะพาคณะไปทัวร์นาเมนต์ไปที่อินเดียต่อ ใครเลยจะคิดว่าประเทศเจ้าอาณานิคมจะมีวันนี้ สะใจ สะใจ นมัสเต :D :D :D

ปูตินเป็นประธานาธิบดี...?

วันก่อนโน้นอ่านบทความในเอเชียไทม์ แล้วก็มีเรื่อง Putin for president ... of the United States (Spengler) ที่เขียนว่าปูตินน่าจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป เพราะว่ามีบุคลิกลักษณะทางการเมืองแบบเดียวกับพวกที่ทำให้อเมริกาเข้าสู่ปัญหาในตอนแรก (ฮ่า)

คนเขียนบอกว่าปูตินแกร่งได้ใจ โดยเฉพาะในด้านภาวะผู้นำ (ซึ่งดูเหมือนว่าไม่มีผู้สมัครรายไหนที่พร้อมเรื่องนี้เลย) แล้วก็ยังสามารถจะกอบกู้เศรษฐกิจรัสเซียที่วิบัติจากติดลบมา และกู้สถานะในเวทีโลกมาได้อีก ทั้ง ๆ ที่การเป็นผู้นำในรัสเซียนั้นแค่จะรวบอำนาจไว้ได้ก็ลำบากแล้ว นอกเหนือจากนั้น มีการพูดถึงสภาพความได้เปรียบหลายประการของสหรัฐฯ ในอดีต และบทบาทที่ผิดพลาดทั้งการต่างประเทศ และเศรษฐกิจไว้หลายอย่างเหมือนกัน

แต่ประเด็นที่ชอบมากและบ้ามากก็คือ ปูตินจะพ้นตำแหน่งสมัยที่สองก็ช่วงราว ๆ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่รับตำแหน่งพอดี ฉะนั้นก็มีจะมีเวลาเหลือเฟือที่จะทำให้ปูตินเป็นคนอเมริกัน แล้วก็มีเวลาแก้กฏหมายให้พวก foreign-born เป็นประธานาธิบดีได้ ซึ่งถ้าจะเป็นห่วงว่าปูตินพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยเท่านั้น ก็ไม่มีปัญหา เพราะบุชเองก็พูดไม่ได้มากนักหรอก ฮ่า!

ปล.อย่างไรก็ตาม เห็นได้ว่า Spengler ค่อนข้างชื่มชมเรแกนพอตัวเพราะเปลี่ยนเทียบไว้ว่าเป็นคนทำให้ทุกอย่างกลับมาดี และเศรษฐกิจก็รุ่งเรืองชนิดที่ถนนทุกสายมุ่งสู่สหรัฐฯ ถึงขั้นใช้คำว่า Reagon won the Cold War และมองว่ายุครุ่งเรืองสูงสุดของสหรัฐฯ เกิดหลังสงครามเย็น (ที่เห็นได้ชัดก็คือ บอกว่าสหรัฐฯ ไม่ต้องออม ไม่ต้องเรียน ไม่ต้องคิดเรื่องความท้าทายทางยุทธศาสตร์ใด ๆ แล้ว แค่ส่งออกภาพลักษณ์ตัวเองไปก็พอ) ซึ่งทำให้อดโยงไปถึง Wallerstein ไม่ได้ที่นอกจากอธิบายการเกิด ดำรงอยู่ และสิ้นสุดของสงครามเย็นไว้อีกแบบแล้ว ก็ยังมองว่าความเป็นเจ้าที่เกิดอยู่ถึงช่วงปี 1967 เท่านั้น ในแง่นี้ เห็นได้ชัดว่า ถึงแม้เจ้าตัวจะรู้มาก และรู้เยอะ แต่ความรู้ค่อนข้างเป็น conventional พอสมควร